Post Top Ad

ไลฟ์สไตล์การแต่งตัว เทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้า การแต่งหน้า การทำผม เคล็ดลับการดูแลสุขภาพ ผิวพรรณ ความสวย ความงาม การออกกำลังกาย การทำอาหาร การทำขนม และรีวิวสินค้า

ลดน้ำหนักและความอ้วนด้วยการเต้นแอโรบิค

รูปร่างสวยและหุ่นดีด้วยการเต้นแอโรบิก  

การเต้นแอโรบิคเป็นการออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโออีกประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับบรรดาสาวๆหลายๆ คน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องการลดน้ำหนักและความอ้วนด้วยการเต้นแอโรบิค นับว่าได้ผลเป็นอย่างมาก นอกจากได้รูปร่าง สุขภาพที่ดีและแข็งแรงแล้ว ยังทำให้เกิดความสนุกสนาน จากการเต้นแอโรบิคเป็นกลุ่ม ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกันมากขึ้นด้วย

การเต้นแอโรบิค คือการออกกำลังกายแบบผสมผสานด้วยการนำเอาท่ากายบริหารและการเคลื่อนไหวพื้นฐานรวมเข้าด้วยกัน เช่น การเดิน การวิ่ง การกระโดด การก้าวเท้า และท่าในการเต้นรำ ให้เข้ากับจังหวะเสียงเพลงและดนตรี มีความสนุกสนานมากขึ้น ยิ่งได้เต้นแอโรบิคร่วมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งจะไม่ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายขณะออกกำลังกาย ซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของผู้ที่ต้องการจะออกกำลังกาย และการเต้นแอโรบิคนั้นยังเป็นการออกกำลังกาย ที่สามารถปรับความหนักเบาให้เหมาะสมได้ตามสภาวะร่างกายของแต่ละคน

การเต้นแอโรบิคดีต่อร่างกายอย่างไร?
การเต้นแอโรบิคช่วยให้การทำงานของหัวใจและระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ช่วยสร้างความอดทนและความแข็งแรงของปอดและระบบหายใจให้มีประสิทธิภาพในการจับออกซิเจนได้ดีขึ้น ส่วนของกล้ามเนื้อยังช่วยให้เผาผลาญพลังงานส่วนเกินของร่างกาย ทำให้บรรดาสาวๆ มีรูปร่างและหุ่นที่ดีขึ้นได้ พบคนที่ออกกำลังกายแบบแอโรบิคเป็นประจำ ปริมาณไขมันดี HDL จะเพิ่มขึ้น7.5% ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันในเส้นเลือด และมีส่วนช่วยลดไขมันชนิดไม่ดี LDL จึงสามารถช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้เป็นอย่างดี ลดอัตราการเสี่ยงจากการแข็งตัวของเลือด อีกทั้งยังเป็นการพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสามารถทำงานได้มากขึ้น แต่เหนื่อยช้าลง และยังช่วยกระตุ้นต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ให้หลั่งฮอร์โมนที่จำเป็นและร่างกายต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลักการเต้นแอโรบิคให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดคือ

1) ความถี่ในการเต้นแอโรบิคนั้นควรทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 วัน

2) การเต้นแอโรบิคต้องใช้ระยะเวลาในการออกกำลังกายนานพอที่จะทำให้ร่างกายใช้ออกซิเจนเพื่อสร้างพลังงาน ทำให้หัวใจ ปอด ถูกกระตุ้น และเกิดกระบวนการสร้างพลังงานในกล้ามเนื้อ และสร้างพลังงานให้ร่างกายได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยประมาณ 40 นาที โดยอบอุ่นร่างกาย 5 นาที บริหารกล้ามเนื้อมัดใหญ่ 5 นาที บริหารกล้ามเนื้อท้อง กล้ามเนื้อส่วนล่าง 5 นาที และต่อด้วยแอโรบิคอีก 20 นาที ค่อยผ่อนคลายอีก 5 นาที ซึ่งจะต้องทำให้หัวใจหรือชีพจรมีอัตราการเต้นอยู่ในระหว่าง 65-85% ของอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจ (MHR : Maximum Heart Rate = 220 - อายุ (ปี)) ซึ่งความหนักในการเต้นแอโรบิคของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไปตามอายุ เพราะในการคำนวณหาอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดต้องใช้อายุไปลบกับ 220 จึงทำให้ค่าอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดของแต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป

3) การเต้นแอโรบิคอย่าฝืนเมื่อรู้สึกเหนื่อยจัด ซึ่งอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดีต่อร่างกาย